RSV ภัยเงียบที่คร่าชีวิตผู้สูงวัย อันตรายกว่าไข้หวัดใหญ่

ไวรัส RSV (Respiratory Syncytial Virus) RSV เป็นโรคติดเชื้อทางเดินหายใจที่มาตามฤดูกาล ซึ่งในประเทศไทยจะเป็นช่วงครึ่งหลังของปี โดยเริ่มตั้งแต่เดือนกรกฎาคมจนถึงส้นปี ไม่ได้เป็นอันตรายแค่เฉพาะเด็กเล็ก แต่เป็นเชื้อไวรัสทางเดินหายใจที่อันตรายต่อผู้สูงอายุ และผู้ใหญ่มีโรคประจำตัวด้วย ซึ่งความรุนแรงไม่ต่างจากไข้หวัดใหญ่หรือโควิด-19 สามารถทำให้ปอดอักเสบ ระบบหายใจล้มเหลว และบางรายถึงแก่ชีวิตได้

RSV อันตรายและส่งผลกระทบต่อผู้สูงวัยอย่างไร?

เสี่ยงปอดอักเสบและเสียชีวิต

• ผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป และผู้มีโรคประจำตัว เช่น เป็นโรคหัวใจ โรคปอด โรคไต โรคมะเร็ง หรือผู้ที่ต้องกินยากดภูมิคุ้มกัน

ผลกระทบระยะยาวต่อปอด

• หากอาการรุนแรงถึงขั้นต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ ผู้ป่วยที่หายแล้วอาจมีพังผืดที่ปอด หรือความจุปอดลดลง
• อาการอ่อนเพลีย ซึมเศร้า หลังการติดเชื้อรุนแรง คล้ายภาวะ Long COVID ซึ่งต้องใช้เวลาฟื้นตัวนานหลายเดือน

การแพร่ระบาดและการป้องกันในผู้สูงวัย

• ช่วงเวลาการระบาด: มักระบาดพร้อมกับไข้หวัดใหญ่ คือในช่วง ฤดูฝนและฤดูหนาว 
• การแพร่เชื้อ: เชื้อสามารถแพร่กระจายผ่านทางละอองฝอยและ การสัมผัส โดยสามารถมีชีวิตอยู่บนพื้นผิวและมือได้นานหลายชั่วโมง

แนวทางการป้องกันที่สำคัญสำหรับผู้สูงอายุ (50 ปีขึ้นไป) และกลุ่มเสี่ยง:

1. การฉีดวัคซีน RSV: ปัจจุบันมีวัคซีนที่ป้องกันเชื้อได้ทั้งสองสายพันธุ์ (A และ B) และมีประสิทธิภาพในการป้องกันยาวนานอย่างน้อย 2-3 ปี
2. การฉีดวัคซีนเสริมร่วม: ควรฉีดวัคซีนอื่น ๆ ร่วมด้วย ได้แก่ วัคซีนไข้หวัดใหญ่ (ประจำปี) และ วัคซีนนิวโมคอกคัส (ป้องกันเชื้อปอดอักเสบ) เนื่องจากเชื้อแบคทีเรียอาจเข้าซ้ำเติมอาการได้ง่ายหลังการติดเชื้อไวรัส RSV
3. สุขอนามัย: หมั่นล้างมือบ่อย ๆ และหลีกเลี่ยงการใกล้ชิดกับผู้ที่มีอาการหวัด

ข้อแนะนำ: หากผู้สูงอายุมีไข้สูง ไอมาก หายใจหอบเหนื่อย ควรรีบปรึกษาแพทย์เพื่อตรวจหาเชื้อ (RSV, โควิด, ไข้หวัดใหญ่) ให้เร็วที่สุด เพื่อเข้ารับการรักษาได้ทันเวลา

คลิกเพื่อสอบถามเพิ่มเติม