Header

การตรวจคัดกรองมะเร็งในระยะเริ่มต้น

การตรวจคัดกรองมะเร็งในระยะเริ่มต้น โรงพยาบาลพริ้นซ์ ลำพูน

การตรวจคัดกรองมะเร็งในระยะเริ่มต้น

ความสำคัญและวิธีการตรวจที่ควรรู้

การตรวจคัดกรองมะเร็งในระยะเริ่มต้นเป็นหนึ่งในกุญแจสำคัญที่ช่วยเพิ่มโอกาสในการรักษาและการอยู่รอดของผู้ป่วยมะเร็ง การตรวจพบมะเร็งในระยะเริ่มต้นสามารถทำให้แพทย์วางแผนการรักษาได้ตรงจุด และช่วยลดความรุนแรงของโรคได้อย่างมีนัยสำคัญ มาดูกันว่าทำไมการตรวจนี้จึงสำคัญและวิธีการตรวจที่มีอยู่มีอะไรบ้าง

ทำไมการตรวจคัดกรองมะเร็งตั้งแต่ระยะเริ่มต้นถึงสำคัญมาก?

  • การรักษาที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น: มะเร็งที่พบในระยะเริ่มต้นมีโอกาสสูงที่จะสามารถรักษาให้หายขาดได้ เนื่องจากยังไม่แพร่กระจายไปยังอวัยวะอื่นๆ การรักษาในระยะนี้อาจใช้เพียงการผ่าตัดเฉพาะจุดหรือการฉายรังสี ทำให้ลดความเสี่ยงและผลข้างเคียงจากการรักษาลง
  • ลดค่าใช้จ่ายในการรักษา: การรักษามะเร็งในระยะเริ่มต้นมีค่าใช้จ่ายที่น้อยกว่าการรักษาในระยะที่มะเร็งแพร่กระจายไปแล้ว เนื่องจากการรักษามะเร็งในระยะท้ายๆ อาจต้องใช้วิธีการที่ซับซ้อนกว่า เช่น การทำเคมีบำบัดหรือการปลูกถ่ายไขกระดูก
  • ปรับปรุงคุณภาพชีวิต: ผู้ป่วยที่ตรวจพบมะเร็งตั้งแต่ระยะเริ่มต้นมักจะมีคุณภาพชีวิตที่ดีกว่า เนื่องจากสามารถทำกิจกรรมในชีวิตประจำวันได้ใกล้เคียงปกติมากกว่าเมื่อเทียบกับผู้ที่ตรวจพบในระยะที่มีอาการหนัก

จะรู้ได้อย่างไรว่าควรตรวจคัดกรองมะเร็ง?

  • การเปลี่ยนแปลงของผิวหนัง: หากพบว่ามีแผลที่ไม่หายขาดภายใน 2-3 สัปดาห์ หรือมีการเปลี่ยนแปลงของไฝหรือจุดบนผิวหนัง ควรปรึกษาแพทย์ เพราะอาจเป็นสัญญาณของมะเร็งผิวหนัง
  • เลือดออกผิดปกติ: การมีเลือดออกในปัสสาวะ อุจจาระ หรือน้ำลาย โดยไม่มีสาเหตุชัดเจน อาจเป็นสัญญาณของมะเร็งในอวัยวะต่างๆ เช่น มะเร็งกระเพาะอาหาร มะเร็งปอด หรือมะเร็งลำไส้
  • อาการเจ็บหน้าอกเรื้อรังหรือไอไม่หาย: หากมีอาการไอที่ไม่หายขาดภายใน 3-4 สัปดาห์ หรือรู้สึกเจ็บหน้าอกเรื้อรัง อาจต้องเข้ารับการตรวจปอดเพื่อตรวจหามะเร็งปอด

เทคโนโลยีและวิธีการตรวจคัดกรองมะเร็งที่ควรรู้

การตรวจคัดกรองมะเร็งมีหลายวิธี ซึ่งแต่ละวิธีจะเหมาะกับมะเร็งแต่ละชนิดและสภาพร่างกายของผู้ป่วย ดังนี้:

  • 1. การตรวจเลือดหาค่าบ่งชี้มะเร็ง (Tumor Markers):

    การตรวจเลือดสามารถช่วยตรวจหาสารบ่งชี้ที่อาจเกิดจากเซลล์มะเร็ง เช่น PSA สำหรับมะเร็งต่อมลูกหมาก, CA-125 สำหรับมะเร็งรังไข่ และ AFP สำหรับมะเร็งตับ อย่างไรก็ตาม ค่าบ่งชี้เหล่านี้ไม่สามารถใช้ยืนยันการเป็นมะเร็งได้โดยตรง แต่จะใช้เป็นตัวชี้วัดให้แพทย์สั่งการตรวจเพิ่มเติม

  • 2. การตรวจแมมโมแกรม (Mammogram):

    การตรวจแมมโมแกรมเป็นวิธีที่ได้มาตรฐานในการตรวจคัดกรองมะเร็งเต้านม โดยสามารถตรวจพบก้อนเนื้อหรือแคลเซียมในเต้านมได้ตั้งแต่ระยะแรก ซึ่งอาจไม่สามารถสัมผัสได้จากการตรวจด้วยตนเอง การตรวจนี้แนะนำให้ทำประจำทุกปีสำหรับผู้หญิงที่มีอายุ 40 ปีขึ้นไป

  • 3. การส่องกล้องลำไส้ใหญ่ (Colonoscopy):

    การส่องกล้องลำไส้ใหญ่เป็นวิธีที่มีความแม่นยำสูงในการตรวจหามะเร็งลำไส้ใหญ่และไส้ตรง แพทย์สามารถตรวจดูภายในลำไส้ใหญ่เพื่อหาติ่งเนื้อ (Polyps) หรือความผิดปกติที่อาจพัฒนาเป็นมะเร็งได้ แนะนำให้ทำการตรวจนี้เป็นระยะทุกๆ 5-10 ปีในผู้ที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไป

  • 4. การตรวจ CT Scan และ MRI:

    การตรวจ CT Scan และ MRI สามารถสร้างภาพที่มีรายละเอียดของอวัยวะต่างๆ ได้ ทำให้แพทย์สามารถตรวจดูการกระจายของมะเร็งในร่างกาย เช่น มะเร็งปอด มะเร็งตับ หรือมะเร็งสมองได้อย่างชัดเจน การตรวจนี้จะใช้ในกรณีที่แพทย์สงสัยว่ามีการแพร่กระจายของมะเร็งไปยังอวัยวะอื่น

  • 5. การตรวจชิ้นเนื้อ (Biopsy):

    การเจาะชิ้นเนื้อเป็นขั้นตอนที่จำเป็นเมื่อต้องการยืนยันว่าก้อนเนื้อหรือความผิดปกติที่พบเป็นเซลล์มะเร็งหรือไม่ แพทย์จะใช้เครื่องมือเจาะเนื้อเยื่อเล็กๆ จากบริเวณที่สงสัยเพื่อตรวจภายใต้กล้องจุลทรรศน์ วิธีนี้เป็นวิธีที่แม่นยำที่สุดในการยืนยันการวินิจฉัยมะเร็ง

ใครบ้างที่ควรเข้ารับการตรวจคัดกรองมะเร็ง?

  • ผู้ที่มีประวัติครอบครัวเป็นมะเร็ง: การมีญาติใกล้ชิดเป็นมะเร็ง เช่น พ่อ แม่ หรือพี่น้อง สามารถเพิ่มความเสี่ยงในการเป็นมะเร็งได้ การตรวจคัดกรองจะช่วยให้คุณตรวจพบโรคได้เร็วขึ้น
  • ผู้ที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไป: ความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งบางชนิด เช่น มะเร็งลำไส้ใหญ่ มะเร็งเต้านม และมะเร็งต่อมลูกหมาก จะเพิ่มขึ้นตามอายุ การตรวจคัดกรองประจำปีเป็นสิ่งที่แนะนำ
  • ผู้ที่มีพฤติกรรมเสี่ยงสูง: เช่น ผู้ที่สูบบุหรี่ ดื่มแอลกอฮอล์มากเกินไป หรือผู้ที่เคยสัมผัสกับสารเคมีที่เป็นอันตราย การตรวจคัดกรองจะช่วยให้ตรวจพบโรคได้ตั้งแต่ระยะแรกๆ

เคล็ดลับการเตรียมตัวก่อนเข้ารับการตรวจคัดกรองมะเร็ง

  • รับประทานอาหารที่เหมาะสม: หากต้องตรวจที่ต้องการการงดอาหาร เช่น การส่องกล้องลำไส้ ควรปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด
  • จัดเตรียมข้อมูลทางการแพทย์: เช่น รายชื่อยา โรคประจำตัว และประวัติการตรวจสุขภาพ เพื่อให้แพทย์สามารถวางแผนการตรวจได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • ทำใจให้สบาย: ความเครียดสามารถส่งผลต่อผลการตรวจได้ การทำใจให้สบายและหาคนในครอบครัวมาด้วยจะช่วยลดความกังวล

"หากมีคำถาม หรือต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการรักษา กรุณาปรึกษาแพทย์ผู้ชำนาญ เพื่อรับคำแนะนำที่ถูกต้อง"

คลิกเพื่อขอคำปรึกษา



ศูนย์การรักษาที่เกี่ยวข้อง

สถานที่

เวลาทำการ

เบอร์ติดต่อ

แพทย์แนะนำ

ศูนย์ศัลยกรรมทั่วไป

พญ.กิติยา จันทรวิถี

พญ.กิติยา จันทรวิถี

ศูนย์ศัลยกรรมทั่วไป

อายุรแพทย์โรคหัวใจและหลอดเลือด

นพ. ลิขิต กำธรวิจิตรกุล

ศัลยเเพทย์ออร์ปิดิกส์

บทความที่เกี่ยวข้อง

มะเร็งเต้านม ภัยเงียบที่ไม่ควรมองข้าม

มะเร็งเต้านมเป็นโรคร้ายที่คร่าชีวิตผู้หญิงทั่วโลกในอัตราที่สูงขึ้นทุกปี

มะเร็งเต้านม ภัยเงียบที่ไม่ควรมองข้าม

มะเร็งเต้านมเป็นโรคร้ายที่คร่าชีวิตผู้หญิงทั่วโลกในอัตราที่สูงขึ้นทุกปี

ตรวจคัดกรองป้องกันมะเร็งปากมดลูก เรื่องสำคัญที่ผู้หญิงทุกคนควรรู้

มะเร็งปากมดลูก เป็นหนึ่งในมะเร็งที่พบบ่อยในผู้หญิงทั่วโลก

ตรวจคัดกรองป้องกันมะเร็งปากมดลูก เรื่องสำคัญที่ผู้หญิงทุกคนควรรู้

มะเร็งปากมดลูก เป็นหนึ่งในมะเร็งที่พบบ่อยในผู้หญิงทั่วโลก

มะเร็งที่พบบ่อยในคนไทย

มะเร็งที่พบบ่อยในคนไทย สถิติที่น่าตกใจ! คนไทยป่วยเป็นมะเร็งรายใหม่ปีละ 1.4 แสนคน

มะเร็งที่พบบ่อยในคนไทย

มะเร็งที่พบบ่อยในคนไทย สถิติที่น่าตกใจ! คนไทยป่วยเป็นมะเร็งรายใหม่ปีละ 1.4 แสนคน